สันติวิถี
สารบัญ
ความรักของพระเจ้า สำหรับมนุษย์
ธรรมชาติและถ้อยคำที่พระเจ้าได้ทรงตรัสแก่บรรดา ศาสดาพยากรณ์ล้วนแล้วแต่เป็นพยานถึงความรักของพระเจ้า พระบิดาของเราในสวรรค์เป็นบ่อเกิดแห่งชีวิต สติปัญญาและ ความชื่นชมยินดี จงมองดูสิ่งต่าง ๆ ที่สวยงามและน่ามหัศจรรย์ ในธรรมชาติ แล้วคิดถึงการที่สิ่งเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงสภาพของ มันให้เข้ากับความต้องการและความสุข มิใช่แต่เพียงของมนุษย์ เท่านั้น แต่ของสรรพสัตว์ทั้งหลายที่มีชีวิตอยู่ด้วย แสงแดดที่ ส่องสว่างและฝนที่ตกทำให้พื้นแผ่นดินชุ่มชื้น เนินเขา ทะเล และทุ่งราบล้วนแต่บอกให้เราทราบถึงความรักของพระผู้สร้าง พระเจ้าเป็นผู้จัดหาสารพัตรทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการครองชีพ ให้แก่มนุษย์ทั้งหลาย ผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญได้เขียนข้อ ความไว้อย่างไพเราะว่า : SC 1.1
“ตาแห่งสรรพสัตว์คอยท่าพระองค์อยู่
พระองค์ทรงประทานอาหารตามเวลา
พระองค์ทรงแบพระหัตถ์ ประทานแก่ SC 1.2
สรรพสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ให้อิ่มตามความประสงค์” SC 1
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นผู้บริสุทธิ์ และมีความสุข และแผ่นดินโลกอันงดงามที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น ก็ไม่มีสิ่งใดที่ ชำรุดทรุดโทรมหรือมีเงาแห่งคำสาปแช่ง สิ่งที่นำความทุกข์ยาก และความตายมาสู่โลกก็คือ การล่วงละเมิดบทบัญญัติแห่ง ความรักของพระเจ้า แม้กระนั้นในท่ามกลางความทุกข์ทรมาน อันเป็นผลเนื่องจากความผิดบาป พระเจ้าได้ทรงสำแดงความ รักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย มีคำเขียนไว้ว่า พระเจ้าทรง สาปแช่งพื้นดิน เพราะมนุษย์ได้ทำผิดบาป ต้นไม้ที่เป็นพุ่มรก และมีหนาม – – – ความลำบากยากแค้นที่ทำให้มนุษย์ต้อง (10) ตรากตรำทำงาน และเต็มไปด้วยความวิตกกังวล – – – สิ่งเหล่านี้แหละพระเจ้าได้ทรงสร้างไว้เพื่อประโยชน์ของมนุษย์ เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพระเจ้าที่พระองค์จะทรงใช้อบรม สั่งสอนให้มนุษย์รู้จักหลีกเลี่ยงให้พ้นจากความพินาศ และความ ชั่วช้าเลวทราม ที่ความบาปได้ทำให้เกิดขึ้น แม้ว่ามนุษย์จะ ได้ทำบาปผิดโลกนี้ก็มิได้เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความทุกข์ ยากเสียทั้งหมด ในธรรมชาติเองก็ยังมีสิ่งที่ช่วยปลุกปลอบใจเรา ทำให้เรามีความหวัง แม้แต่พุ่มไม้ที่มีหนามก็ยังออกดอกงดงาม และดอกกุหลาบปกคลุมกอไม้ที่มีหนามไว้ SC 2.1
“พระเจ้าเป็นความรัก” ข้อความนี้มีเขียนไว้บนดอก ไม้ทุก ๆ ดอกที่แย้มกลีบบนยอดหญ้าที่โผล่พ้นพื้นดิน นกที่ สวยงามน่ารักส่งเสียงร้องเพลงด้วยความสุข ดอกไม้สีสวยสด ส่งกลิ่นหอมระคนเคล้าอยู่ในอากาศ ต้นไม้อันเขียวชอุ่มยืนต้น สูงตระหง่านอยู่ในป่า สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นพยานถึงความ SC 2.2
รักใคร่เมตตาของพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเรา และความ ปรารถนาที่จะทำให้เหล่าบุตรของพระองค์มีความสุข SC 3.1
พระคำของพระเจ้าสำแดงพระลักษณะนิสัยของพระองค์ พระองค์เองเป็นผู้ประกาศความรักใคร่เมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดของ พระองค์ เมื่อโมเซอธิษฐานว่า “ขอทรงโปรดสำแดงสง่าราศรี ของพระองค์แก่ข้าพเจ้าเถิด” พระองค์ได้ตรัสตอบว่า “เราจะ บันดาลให้คุณความดีของเราประจักษ์แจ้งต่อหน้าเจ้า” นี้แหละ คือสง่าราศรีของพระองค์ พระยะโฮวาได้เสด็จผ่านไปข้าง หน้าโมเซและทรงประกาศว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ทรง เมตตากรุณา ผู้ทรงอดพระทัยได้นาน และบริบูรณ์ด้วยความดี และความจริง ผู้ทรงเมตตาต่อมนุษย์ถึงหลายพันชั่วอายุคน (11) ผู้ทรงโปรดยกความชั่วการล่วงละเมิดและบาปของเขา พระเจ้า ประกอบไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณและความเมตตาปราณีไม่ ใคร่ทรงกริ้วโกรธ และสมบูรณ์ไปด้วยความเมตตาอารี” SC 3.2
“เพราะพระองค์ทรงปลื้มพระทัยในความเมตตากรุณา” SC 3.3
พระเจ้าได้ทรงผูกมัดดวงใจของเราไว้กับพระองค์ โดย เครื่องหมายสำคัญอันเรามิสามารถจะนับจำนวนได้ในฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินโลก พระองค์ได้พยายามสำแดงพระองค์เองให้ ปรากฏแก่เราทั้งหลายโดยอาศัยสิ่งต่าง ที่มีอยู่ในธรรมชาติ แต่ สิ่งเหล่านี้มิได้แสดงให้เราเห็นความรักของพระองค์โดยบริบูรณ์ แม้ว่าเราจะได้เห็นประจักษ์พยานเหล่านี้ เพราะสัตรูแห่งความดี ทำให้จิตใจของมนุษย์มืดมัวไป เราจึงมองพระเจ้าด้วยความ หวาดกลัว เราคิดว่าพระองค์เป็นผู้เคร่งครัด ปราศจากความ เมตตาปราณีและไม่ยอมยกโทษ ซาตานชักจูงมนุษย์ให้มีความ คิดเห็นว่าพระเจ้าเป็นผู้ที่มีความยุติธรรมอย่างเฉียบขาด เป็น ผู้พิพากษาที่ถือระเบียบเคร่งครัด และเป็นเจ้าหนี้ที่ไร้ความ เมตตาปราณี ซาตานได้วาดภาพพระผู้ทรงสร้างให้เป็นบุคคลที่ คอยเฝ้าดูมนุษย์ด้วยใจอิจฉาริษยาและคอยจับผิดของมนุษย์ เพื่อ พระองค์จะได้พิพากษาลงโทษมนุษย์เหล่านั้น พระเยซูได้เสด็จ มาอยู่ในท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลาย เพื่อจะปลดเปลื้องเงามืดนี้ โดยสำแดงให้โลกเห็นความรักอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระเจ้า พระบุตรของพระเจ้าได้เสด็จมาจากสวรรค์เพื่อจะแสดง ให้เราทั้งหลายได้ทราบถึงพระลักษณะนิสัยอันแท้จริงของพระเจ้า “ไม่มีใครได้เห็นพระเจ้าเลย พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าที่ ทรงสถิตอยู่ในทรวงของพระบิดา ท่านองค์นั้นได้สำแดง (12) พระองค์แล้ว” “ไม่มีผู้ใดรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดา หรือ ไม่มีผู้ใดรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตร กับผู้ที่พระบุตรประสงค์ จะสำแดงให้รู้” เมื่อสาวกคนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็น ข้าพเจ้าจึงจะพอใจ” พระเยซูตรัสว่า “ฟีลิปเอ๋ย เราได้อยู่กับท่านนานแล้วเช่นนี้ และ ท่านยังไม่รู้จักเราหรือ? ผู้ที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา เหตุไฉน ท่านจึงว่า “ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็น?” SC 3.4
ในการบรรยายถึงหน้าที่ที่พระองค์จะต้องปฏิบัติใน แผ่นดินโลก พระเยซูได้ตรัสว่า “พระยะโฮวาได้ทรงชะโลมตั้ง ข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศกิติคุณแก่คนยาจก พระองค์ได้ทรงใช้ ข้าพเจ้าให้บอกแก่พวกชะเลยว่าเขาจะได้กลับเป็นไทอีก ให้บอก แก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้บอกแก่คนที่ถูกกดขี่ข่มเหงว่า จะได้พ้นทุกข์” นี่แหละคืองานของพระองค์ พระองค์ทรงเสด็จ เที่ยวไปเพื่อทำประโยชน์แก่ผู้อื่น และทรงช่วยคนทั้งหลายให้ พ้นจากการกดขี่ข่มเหงของซาตาน หมู่บ้านหลายหมู่บ้านซึ่งไม่มี เสียงครวญครางของคนเจ็บป่วย เพราะพระองค์ได้เสด็จผ่าน หมู่บ้านเหล่านั้น และได้รักษาคนป่วยเจ็บทั้งหลายให้หายจาก โรค งานของพระองค์เป็นประจักษ์พยานแสดงให้เห็นหน้าที่ ที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้พระองค์ การกระทำทุกอย่างใน ชีวิตของพระองค์สำแดงให้เห็นความรักและความเมตตากรุณา พระองค์ทรงเห็นอกเห็นใจมนุษย์ทั้งหลาย พระองค์ทรงรับเอา ธรรมชาติของมนุษย์เพื่อพระองค์จะได้ทรงทราบว่ามนุษย์เรามี ความต้องการอะไรบ้าง คนที่ยากจนและต่ำต้อยที่สุดก็ไม่มีความ เกรงกลัวที่จะเข้าไปใกล้พระองค์ แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็พอใจ (13) ที่จะมาหาพระองค์ เด็กเหล่านั้นชอบปีนขึ้นนั่งตัก และมองดูดวง พระพักตรอันเคร่งขรึมแต่ประกอบด้วยความรักใคร่และเมตตา ปราณีของพระองค์ SC 5.1
พระเยซูมิได้ปิดบังถ้อยคำแห่งความจริงไว้เลยสักคำ เดียว แต่พระองค์ทรงกล่าวถึงความจริงด้วยความรัก พระองค์ ทรงใช้สติปัญญาอันรอบคอบและความเอาใจใส่ในการติดต่อเกี่ยว ข้องกับประชาชน พระองค์ไม่เคยแสดงกิริยาหยาบคาย ไม่เคย กล่าวถ้อยคำที่เกรี้ยวกราด และไม่เคยทำให้ผู้ที่มีความรู้สึกอัน อ่อนไหวได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจ พระองค์มิได้ทรงติเตียนความ อ่อนแอของมนุษย์ พระองค์ทรงตรัสความจริง แต่ทรงตรัส ด้วยความรัก พระองค์ทรงประนามความหน้าไหว้หลังหลอก ความไม่เชื่อถือและความชั่วร้าย แต่พระสุรเสียงของพระองค์ สั่นเครือขณะที่พระองค์ทรงกล่าวติเตียนผู้ที่กระทำผิด พระองค์ ทรงกรรแสงเมื่อทอดพระเนตรดูกรุงยะรูซาเล็ม เมืองที่พระองค์ ทรงรัก ซึ่งไม่ยอมต้อนรับพระองค์ผู้เป็นหนทาง เป็นความจริง และชีวิต เขาไม่ยอมรับพระองค์ พระผู้ช่วยให้รอด แต่พระองค์ ทรงพระเมตตากรุณาต่อเขา ชีวิตของพระองค์เป็นชีวิตที่เต็มไป ด้วยการเสียสละ และทรงห่วงใยในความเป็นอยู่ของผู้อื่น จิต วิญญาณทุกดวงเป็นสิ่งประเสริฐในคลองพระเนตรของพระองค์ แม้ว่าพระองค์จะมีพระลักษณะสง่าผ่าเผย แต่พระองค์มิได้ มีความเย่อหยิ่งจองหอง พระองค์ทรงคบหาสมาคมกับบุคคล ทุกชั้นในโลก ในท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลาย พระองค์ทรงเห็น จิตวิญญาณที่หลงผิด ซึ่งพระองค์มีหน้าที่ ๆ จะช่วยให้รอด SC 6.1
สิ่งเหล่านี้เป็นพระลักษณะนิสัยของพระคริสต์ตามที่ ปรากฏในชีวิตของพระองค์ นี่คือพระลักษณะนิสัยของพระเจ้า พระบิดาได้ทรงสำแดงพระเมตตากรุณาแก่มนุษย์ทั้งหลายโดยทาง พระเยซูคริสต์ พระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดผู้มีพระทัยประกอบ (14) ด้วยความเมตตาสงสารคือ “พระเจ้าทรงปรากฏเป็นเนื้อหนัง” SC 7.1
พระเยซูทรงทรงทนทุกข์ทรมานและยอมปลงพระชนม์ เพื่อไถ่เราทั้งหลายให้รอดพ้นจากบาป พระองค์ทรงกลับ กลายเป็น “บุคคลที่มีความทุกข์โศก” เพื่อเราจะได้ มีส่วนร่วมในความชื่นชมยินดีอันดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ พระเจ้า ได้ทรงโปรดให้พระบุตรสุดที่รักของพระองค์ ผู้ประกอบไปด้วย พระคุณและความจริงให้เสด็จมาจากโลกอันเต็มไปด้วยรัศมีภาพ อันงดงามรุ่งเรืองมายังโลกที่เต็มไปด้วยมลทินแห่งความบาปผิด โลกอันมืดมนด้วยเงาแห่งความตายและคำสาปแช่ง พระองค์ ทรงยอมให้พระคริสต์เสด็จจากพระอุระของพระองค์ จากเหล่า ทูตสวรรค์ที่กราบไหว้บูชาพระองค์ลงมาในโลก เพื่อจะได้ รับความอับอาย การดูหมิ่นเหยียดหยาม ความเกลียด ชัง และความตาย “การลงโทษเพื่อให้เกิดความสุขแก่พวกเรา ไปตกอยู่กับเขาผู้นั้น และที่พวกเราหายเป็นปรกติได้ก็เพราะ รอยแผลเฆี่ยนของเขาผู้นั้น” จงมองดูพระองค์ที่ในป่า กันดาร ในสวนเก็ธเซมาเนและบนไม้กางเขน! พระบุตรของ พระเจ้าผู้ปราศจากมลทินบาป ได้ยอมรับภาระอันหนักแห่ง ความบาปผิดไว้เสียเอง พระองค์ผู้ทรงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ พระเจ้า ทรงรู้สึกในพระทัยว่าการที่มนุษย์ถูกแยกออกจาก พระเจ้าเพราะความผิดบาปนั้น เป็นสิ่งที่ร้ายกาจมาก พระองค์ ทรงตรัสถ้อยคำเหล่านี้ด้วยความทุกข์ว่า “พระเจ้าข้า ๆ เหตุไฉน พระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเสีย?” สิ่งที่ทำให้พระบุตรของ พระเจ้าทรงเป็นทุกข์ในพระทัยยิ่งนักคือ ภาระแห่งความบาป ความรู้สึกว่าความผิดบาปที่มีมากมาย และผลแห่งความบาป (15) ที่ทำให้มนุษย์ต้องอยู่ห่างจากพระเจ้า SC 7.2
แต่การเสียสละอันยิ่งใหญ่นี้ มิได้ทำเพื่อจะก่อให้เกิด ความรักสำหรับมนุษย์ขึ้นในพระทัยของพระบิดา มิได้ทำให้ พระองค์ทรงเต็มพระทัยที่จะช่วยเราให้รอด หามิได้! “พระเจ้า ทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์” พระบิดาทรงรักเรา มิใช่เพราะเหตุที่พระเยซูคริสต์ทรงยอมปลง พระชนม์เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของพวกเรา แต่พระเจ้าทรง โปรดให้พระเยซูคริสต์มาปลงพระชนม์แทนเรา เพราะพระองค์ ทรงรักเรา พระคริสต์เป็นเครื่องมือซึ่งพระเจ้าทรงใช้สำหรับจะ ประทานความรักอันไม่มีที่สิ้นสุดแก่มนุษย์ที่ทำผิดบาป “พระเจ้า ผู้สถิตในองค์พระคริสต์ทรงกระทำให้โลกนี้เป็นไมตรีกันกับพระ องค์” พระเจ้าทรงทนทุกข์ทรมานกับพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ผู้ประกอบด้วยความรักอันไม่มีที่สิ้นสุดได้ทรงทน ทุกข์ทรมานในสวนเก็ธเซมาเน ทรงยอมรับความตายบนกางเขน เพื่อจะไถ่เราทั้งหลายให้รอดจากบาป SC 8.1
พระเยซูตรัสว่า “เหตุฉะนั้นพระบิดาทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเราเพื่อจะรับเอาชีวิตนั้นอีก” หมายความ ว่า “พระบิดาของเราทรงรักท่าน ฉะนั้นพระองค์จึงทรงรักเรา มากกว่าท่าน เพราะเราได้ยอมสละชีวิตของเราเพื่อไถ่ท่าน ทั้งหลายให้รอดจากบาป เราเป็นที่รักของพระบิดาเพราะเราได้ ตายแทนท่านทั้งหลาย เรายอมสละชีวิตของเราเพื่อท่านจะ (16) ได้รับความรอด ความผิดบาปและการล่วงละเมิดบทบัญญัติ ของพวกเจ้า เราได้ยอมรับไว้เสียเอง คอยการเสียสละของเรา พระเจ้าจึงเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม และเป็นผู้พิจารณา พิพากษาผู้ที่เชื่อในพระยู” SC 9.1
ไม่มีผู้ใด เว้นไว้แต่พระบุตรของพระเจ้าองค์เดียวที่ สามารถจะทำให้แผนการแห่งความรอดของเราเป็นผลสำเร็จได้ เพราะพระบุตรองค์เดียวที่สถิตอยู่ในทรวงของพระบิดา ท่าน องค์นั้นได้สำแดงพระองค์แล้ว ผู้ที่ทราบความรักอันลึกซึ้งของ พระเจ้าเท่านั้นจึงสามารถที่จะสำแดงความรักนั้นได้ SC 9.2
ไม่มีอะไรอีกแล้วที่สามารถจะสำแดงความรักของพระ บิดาต่อมนุษย์ผู้หลงผิดมากยิ่งไปกว่าการที่พระคริสต์ทรงยอมปลง พระชนม์แทนคนบาปทั้งหลาย SC 9.3
“พระเจ้าทรงรักโลก จึงได้ประทานพระบุตรองค์เดียว ของพระองค์” พระเจ้ามิใช่แต่เพียงจะประทานพระบุตรของ พระองค์ให้ลงมามีชีวิตอยู่ในหมู่มนุษย์เท่านั้น ยังโปรดให้ทรง รับความผิดบาป และยอมตายแทนเราทั้งหลายอีกด้วย พระเจ้า ประทานพระบุตรของพระองค์ให้แก่มนุษย์ผู้ทำบาปผิด พระ คริสต์จะต้องถือว่ามนุษย์ทั้งหลายก็มีส่วนได้ส่วนเสีย และมีสิ่งที่ จำเป็นสำหรับการครองชีพเช่นเดียวกับพระองค์ พระองค์ผู้ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้าได้มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ทั้งหลายโดยสายสัมพันธ์ที่ไม่มีสิ่งใดจะมาทำลายเสียได้ พระเยซู ไม่ละอายในการที่จะเรียกเราว่าเป็นที่น้องกัน พระองค์เป็น ผู้เสียสละแทนเรา เป็นผู้ทูลแก้ตัวแทนเรา และเป็นพี่น้อง ของเรา พระองค์ทรงถือกำเนิดในเรือนร่างของมนุษย์ต่อหน้า พระที่นั่งของพระบิดา และตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับมนุษย์ผู้ที่ได้ทรงไถ่จากบาป พระองค์ นั้นคือบุตรมนุษย์ พระเยซูคริสต์ได้ทรงกระทำสิ่งนี้เพื่อมนุษย์ ทั้งหลายจะได้รอดพ้นจากความพินาศ และความผิดบาปที่พาให้ วเสื่อมทราม เพื่อพระองค์จะได้ทรงสำแดงความรักของ (17) พระเจ้าให้ปรากฏแก่มนุษย์ทั้งหลาย และมีส่วนร่วมในความ ชื่นชมยินดีอันบริสุทธิ์ SC 9.4
การที่พระเยซูคริสต์ทรงยอมเสียสละเพื่อไถ่เราให้รอดพ้น จากบาป และการที่พระบิดาทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของ พระองค์มาตายแทนเรา ควรจะทำให้เรามองเห็นได้ว่า เรา สามารถจะกระทำตนเป็นคนมีประโยชน์อย่างไรได้บ้างโดยอาศัย พระคริสต์ เมื่ออรรคสาวกโยฮันได้มองเห็นความรักอันลึกซึ้งที่ พระบิดาทรงมีต่อมนุษยชาติผู้ถึงซึ่งความพินาศ เขาก็มีความ เคารพยำเกรง และไม่สามารถจะหาถ้อยคำใดมาบรรยายให้เรา ทราบถึงความรักอันยิ่งใหญ่นี้ได้ เขาได้เรียกให้คนทั้งหลาย พิจารณาดูความรักนี้ โดยกล่าวว่า “จงดูเถิด พระบิดาทรง โปรดประทานความรักแก่เราทั้งหลายเพียงไร ที่เราจะได้ชื่อว่า เป็นบุตรของพระเจ้า” สิ่งนี้ทำให้มนุษย์มีคุณค่าขึ้นอีกมากมาย โดยการล่วงละเมิดบทบัญญัติของพระเจ้า มนุษย์ได้กลับกลาย เป็นทาสของซาตาน โดยความเชื่อในการถวายบูชาไถ่บาปของ พระคริสต์ บุตรของอาดามได้กลับกลายเป็นบุตรของพระเจ้า พระคริสต์ทรงยกย่องมนุษยชาติให้สูงยิ่งขึ้น โดยการลงมาบังเกิด ในโลกและถือธรรมชาติเป็นมนุษย์ โดยการติดต่อสัมพันธ์กับ พระคริสต์ มนุษย์ผู้มีบาปได้กลับกลายเป็นผู้มีคุณค่าเหมาะสมที่ จะได้ชื่อว่า “บุตรของพระเจ้า” SC 10.1
ความรักชนิดนี้ไม่มีสิ่งใดจะเปรียบเทียบได้ บุตรของ พระมหากษัตริย์แห่งสวรรค์! คำสัญญาอันประเสริฐ! เป็นสิ่งที่ เราจะต้องใคร่ครวญดูแลอย่างลึกซึ้งที่สุด! ความรักอันไม่มีสิ่งใด(18) เทียมเท่าของพระเจ้าสำหรับโลกที่ไม่รักพระองค์ ความคิดถึง เรื่องนี้มีอำนาจทำให้จิตวิญญาณมีความสงบ และทำให้มนุษย์ ยอมปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เรายิ่งได้เรียนรู้ถึงพระ ลักษณะนิสัยของพระเจ้าในแสงสว่างแห่งไม้กางเขนมากขึ้น เรา ก็ยิ่งได้เห็นความเมตตากรุณา ความอ่อนสุภาพและการให้อภัย ประกอบด้วยความเสมอภาคและความยุติธรรม และเรายิ่ง ได้เห็นหลักฐานแห่งความรักอันไม่มีที่สิ้นสุด และความเมตตา กรุณาที่มีมากยิ่งกว่าความเมตตากรุณาของมารดาที่มีต่อบุตร ผู้ดื้อดึง SC 11.1
โปรดแบ่งปันข้อความแห่งความรักนี้